landing page คืออะไร และต่างจากหน้าเว็บไซต์ทั่วไปยังไง
หลายคนเริ่มสนใจ ทํา landing page เพราะได้ยินว่าช่วยปิดการขายได้ดี แต่ก็ยังแอบงง ๆ ว่า landing page คืออะไร ต่างจากหน้าแรกของเว็บหรือหน้าอื่นยังไง จริง ๆ ง่ายมาก landing page คือ “หน้าเว็บเฉพาะกิจ” ที่ออกแบบมาเพื่อให้คนที่เข้ามา ทำแอ็กชันบางอย่างเพียงอย่างเดียวเป็นหลัก เช่น กรอกฟอร์ม ลงทะเบียน แอดไลน์ ทิ้งเบอร์ ขอใบเสนอราคา หรือกดซื้อสินค้า โดยไม่พาเขาออกนอกเรื่องไปหน้าอื่นเยอะเกินไปเหมือนโฮมเพจทั่วไป
เวลาเราทำเว็บไซต์หลัก ปกติหน้าแรกจะมีหลายอย่างมาก ทั้งแนะนำบริษัท เมนูบริการต่าง ๆ ข่าวสาร ผลงาน รีวิว ติดต่อ ฯลฯ คนเข้ามาก็เดินเล่นไปได้หลายทิศหลายทาง ซึ่งดีในมุมภาพรวมแบรนด์ แต่ถ้าเรากำลังยิงโฆษณา แคมเปญ หรือโปรโมชันเฉพาะเรื่อง การส่งคนไปหน้าแรกที่มีตัวเลือกเยอะเกินไป มักทำให้เขา “หลุดโฟกัส” และสุดท้ายไม่ได้ทำสิ่งที่เราต้องการ เช่น ไม่กดซื้อ ไม่ทักหา ไม่กรอกฟอร์ม ทั้งที่เขาสนใจตั้งแต่กดโฆษณาแล้ว
landing page เลยเกิดมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ หน้าที่ของมันคือเล่าเรื่องเดียวให้จบ เช่น โปรโมตคอร์สเรียนนี้ตัวเดียว แคมเปญนี้ตัวเดียว หรือสินค้าตัวฮิตตัวเดียว โครงสร้างจะเรียบง่าย ชัดเจน ไล่ตั้งแต่ปัญหาที่ลูกค้ามี สิ่งที่เราช่วยได้ ข้อดี จุดเด่น หลักฐานความน่าเชื่อถือ ไปจนถึงข้อเสนอและปุ่มให้เขาตัดสินใจในตอนท้าย ถ้าจะเปรียบเทียบ landing page ก็เหมือน “หน้าเซลส์เพจ” ที่เขียนดี ๆ และกลายเป็นหน้าเว็บให้ลูกค้าอ่าน แล้วตัดสินใจได้ในที่เดียว ไม่ต้องคลิกวนไปมาหลายหน้าให้สับสน
ทำไมยุคนี้ทุกธุรกิจควรมี landing page ไม่ว่าจะขายสินค้า บริการ หรือคอร์สออนไลน์
ในยุคที่เรายิงโฆษณาจากหลายช่องทาง ทั้ง Facebook, Instagram, TikTok, Google หรือแม้แต่การแปะลิงก์ในไลน์ การมี landing page ดี ๆ สักหน้าคืออาวุธสำคัญของธุรกิจเลยก็ว่าได้ สมมติคุณทําการตลาดออนไลน์แล้วอยากให้ลูกค้าทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น สมัครคอร์ส ทดลองใช้บริการ จองคิว ปรึกษา หรือซื้อสินค้าตัวโปรโมชัน การส่งคนไปหน้าเว็บไซต์หลักที่มีสารพัดเมนูอาจทำให้เขาไขว้เขว แต่ถ้าคุณมี landing page ที่เล่าเฉพาะเรื่อง และมีปุ่มให้ตัดสินใจชัด ๆ ผลลัพธ์มักต่างกันมาก
แนวคิดของ landing page medium ที่คนพูดถึงกันก็แปลตรงตัวได้ว่า เป็นหน้า landing page ที่ไม่สั้นเกินไปแค่มีรูปกับปุ่ม แต่ก็ไม่ยาวจนคนเลื่อนแล้วเหนื่อย หน้าแนวนี้จะอธิบายให้ครบในระดับที่คนอ่านแล้ว “พอ” ต่อการตัดสินใจ โดยเนื้อหาจะสรุปปัญหา ข้อดี คุณสมบัติ ผลลัพธ์ที่ลูกค้าจะได้ และคำตอบของคำถามที่คนลังเลบ่อย ๆ การวางโครงให้เนื้อหาไหลลื่น อ่านง่าย เห็นภาพ แล้วเจอปุ่มให้ติดต่อหรือซื้อในจังหวะที่ใช่ ทำให้ landing page มีพลังมากกว่าโพสต์ขายธรรมดาหลายเท่า
อีกประเด็นสำคัญคือ landing page ทำให้คุณ “วัดผล” การทำโฆษณาได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะแต่ละแคมเปญคุณสามารถทำ landing page แยกเฉพาะให้สอดคล้องกับข้อความโฆษณา เช่น ยิงโฆษณาเรื่องโปรลดพิเศษ ก็มี landing page เรื่องโปรนั้นโดยตรง ยิงโฆษณาเรื่องคอร์สใหม่ ก็มีหน้าเล่าเฉพาะคอร์สนั้น คุณจะดูได้เลยว่าแคมเปญไหนคนกดเข้าเยอะ แคมเปญไหนคนกรอกฟอร์มจริง แคมเปญไหนคนปิดหน้าออกเร็ว แล้วเอามาปรับปรุงต่อยอดได้ง่ายกว่าการใช้หน้าเว็บรวม ๆ หน้าเดียวรองรับทุกแคมเปญ

ทํา landing page ให้ได้ผล
หลายคนเข้าใจว่า ทํา landing page คือการเปิดเว็บเปล่า ๆ ขึ้นมา แล้วใส่รูป + ข้อความ + ปุ่ม แค่นั้นจบ แต่ในมุมการตลาดจริง ๆ landing page ที่ดีคือหน้าที่ถูกออกแบบมาแบบมีชั้นเชิง เหมือนเรานั่งเล่าให้ลูกค้าฟังทีละประเด็นอย่างเป็นธรรมชาติ ตั้งแต่ปัญหาที่เขาเจออยู่ตอนนี้ ไปจนถึงทางออกที่เรามีให้ และจบด้วยข้อเสนอที่เขารู้สึกว่า “คุ้มพอ” จะลงมือในตอนนี้
โครงพื้นฐานของ landing page ที่ใช้ได้กับแทบทุกธุรกิจ มักเริ่มจากหัวข้อใหญ่ที่ดึงดูดและตรงใจลูกค้าก่อน เช่น ตั้งคำถามแทงใจ หรือบอกผลลัพธ์ที่เขาอยากได้ จากนั้นอธิบายสั้น ๆ ว่าปัญหาหลักของเขาคืออะไร และถ้าไม่แก้จะเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยเล่าว่าเรามีตัวช่วยอะไรให้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า บริการ หรือคอร์สเรียน ตรงนี้ควรเล่าให้เข้าใจง่ายว่ามันช่วยอะไรได้บ้าง แตกต่างจากเจ้าอื่นยังไง และมีอะไรยืนยันบ้างว่าใช้งานแล้วดีจริง เช่น รีวิว ลูกค้าที่เคยใช้ ผลงาน หรือผลลัพธ์โดยรวม
การทํา landing page ที่ดีจะให้ความรู้สึกเหมือนเราพาลูกค้าเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่โยนข้อมูลใส่เขาแบบกระจัดกระจาย ทุกช่วงของหน้าเราควรถามตัวเองเสมอว่า “ลูกค้าอ่านมาถึงตรงนี้ เขาน่าจะคิดอะไรอยู่” เช่น อ่านจุดเด่นจบ อาจสงสัยเรื่องราคา อ่านราคาแล้วอาจกลัวว่ามันใช้ยาก อ่านความง่ายแล้วอาจอยากรู้ว่ามีคนเคยลองบ้างไหม เราก็เรียงคำตอบทีละช่วงให้เขาคลายข้อสงสัยไปเรื่อย ๆ พอทุกอย่างชัดแล้ว ปุ่มอย่าง “ลงทะเบียนเลย” “ขอดูตัวอย่างฟรี” หรือ “ปรึกษาฟรี” ก็จะกลายเป็นขั้นตอนต่อไปที่เขารู้สึกสบายใจที่จะกดเองโดยไม่ต้องรู้สึกว่าถูกบังคับเลย

ทํา landing page ให้เข้ากับเว็บและธุรกิจทุกรูปแบบ ทั้งขายของ e-learning และ booking
ข้อดีอย่างหนึ่งของ landing page คือมันไม่จำกัดว่าต้องใช้กับธุรกิจแบบไหนเท่านั้น คุณสามารถ ทํา landing page ไปเชื่อมกับเว็บหลายประเภทได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเว็บขายของออนไลน์ เว็บ woocommerce เว็บ e-learning หรือเว็บจองบริการต่าง ๆ เช่น จองคิว จองห้องพัก จองพูลวิลล่า และอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าคุณออกแบบให้หน้า landing page นั้นทำหน้าที่อะไรในเส้นทางของลูกค้า
ถ้าคุณทำเว็บขายของด้วยระบบ woocommerce landing page อาจเป็นหน้าที่ใช้โปรโมตสินค้าตัวขายดีหรือโปรโมชันพิเศษ ตัวข้อความจะโฟกัสไปที่สินค้าหรือเซ็ตโปรโดยเฉพาะ มีปุ่มพาไปหน้าชำระเงินหรือตะกร้าได้เลย ทำให้ทางเดินจากโฆษณาไปจนถึงจ่ายเงินสั้นลง ลูกค้าหลุดทางน้อยลง สำหรับเว็บ e-learning landing page สามารถใช้เล่าเกี่ยวกับคอร์สเดียวแบบละเอียด ทั้งประโยชน์ เนื้อหา กลุ่มเป้าหมาย และสิ่งที่จะได้รับเมื่อเรียนจบ แล้วปิดท้ายด้วยปุ่มลงทะเบียนหรือชำระค่าเรียน ข้อดีคือคนที่เข้ามาจากโฆษณา จะเห็นข้อมูลเฉพาะคอร์สนั้นทันทีโดยไม่หลงไปคอร์สอื่นก่อนตัดสินใจ
ส่วนเว็บประเภท booking เช่น จองบริการ จองห้องพัก หรือจองคิวต่าง ๆ landing page จะช่วยเล่าให้ชัดว่าบริการนี้คืออะไร มีขั้นตอนยังไง ราคาโดยประมาณเท่าไหร่ และต้องเตรียมตัวอะไรบ้างก่อนจอง เมื่อลูกค้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว ปุ่มจองหรือปุ่มแชทจึงจะมีความหมายและถูกกดมากกว่าหน้าเว็บที่ให้แค่ปุ่มกับรูป แต่ไม่อธิบายให้เคลียร์ ในภาพรวม landing page จึงเหมือนสะพานที่ทำให้ลูกค้าจากโฆษณาไปถึงหน้าสั่งซื้อหรือหน้าจองได้โดยไม่หลงทาง ช่วยให้เงินโฆษณาที่คุณจ่ายไปทำงานได้คุ้มค่ามากขึ้น
ให้ Digicat ช่วยทํา landing page เริ่มต้น 3,999 บาท ไม่ต้องเขียนโค้ดเอง
พออ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าคุณเริ่มคิดแล้วว่าอยาก ทํา landing page สำหรับธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่อยากมานั่งวุ่นวายกับการเขียนโค้ด ออกแบบเอง ลองธีมเอง จัดหน้าเอง แถมต้องมาคิดเนื้อหาให้ลื่นอีก ทีมนักพัฒนาและการตลาดของ Digicat ยินดีเป็นตัวช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นแบบครบวงจร เรารับทํา landing page สำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะขายสินค้า บริการ ทำคอร์สออนไลน์ หรือทำธุรกิจจองบริการต่าง ๆ ทีมเราช่วยวางโครงเนื้อหา ออกแบบหน้าให้สวยและใช้งานง่าย พร้อมเชื่อมต่อกับระบบที่คุณใช้อยู่ได้เลย
เว็บไซต์ของเรามีแพ็กเกจราคาถูก เริ่มต้นเพียง 3,999 บาท ก็สามารถมี landing page แบบมืออาชีพเป็นของตัวเองได้ โดยที่คุณไม่ต้องเขียนโค้ดเองแม้แต่นิดเดียว เราใช้ระบบที่ยืดหยุ่นอย่าง WordPress ร่วมกับ woocommerce หรือปลั๊กอินเฉพาะทางอื่น ๆ เพื่อให้ landing page ของคุณสามารถเชื่อมต่อกับเว็บ e-learning เว็บ booking หรือเว็บขายของที่มีอยู่แล้วได้อย่างลงตัว คุณแค่เล่าให้เราฟังว่าอยากให้ลูกค้าที่เข้ามาหน้า landing page ทำอะไรต่อ อยากเล่าอะไรให้เขาฟังก่อนตัดสินใจ และอยากให้ภาพรวมหน้าเว็บเป็นโทนแบบไหน
จากนั้นทีม Digicat จะช่วยแปลงทุกความต้องการของคุณให้กลายเป็น landing page ที่พร้อมใช้งานจริง ตั้งแต่ข้อความ ภาพ โครงสร้าง ไปจนถึงปุ่มต่าง ๆ ที่จัดวางอย่างเหมาะสมบนทั้งหน้าจอมือถือและคอมพิวเตอร์ เป้าหมายของเราคือทำให้ landing page ของคุณไม่ใช่แค่ “หน้าเว็บสวย ๆ หน้าเดียว” แต่เป็นหน้าที่ช่วยให้โฆษณาที่คุณทำอยู่ปิดการขายได้ดีขึ้น เก็บลูกค้าได้มากขึ้น และทำให้การทำการตลาดออนไลน์ของคุณมีทิศทางที่ชัดเจนกว่าเดิม ถ้าคุณกำลังมองหาทีมที่เข้าใจทั้งการทำเว็บและการทำการตลาดจริง ๆ ลองคุยกับ Digicat แล้วมาวางแผน landing page สำหรับธุรกิจของคุณไปด้วยกันครับ
ตัวอย่างเว็บไซต์









