• หน้าแรก
  • wordpress
  • โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์ มี อะไร บ้าง เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์ มี อะไร บ้าง เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์ มี อะไร บ้าง เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
Facebook
Twitter
LinkedIn

สารบัญเนื้อหา

โปรแกรม สำหรับ การ สร้าง เว็บไซต์

ทุกวันนี้เจ้าของธุรกิจแทบทุกคนรู้แล้วว่า “ต้องมีเว็บไซต์” แต่พอเริ่มค้นหาว่าจะเริ่มยังไง ก็มักเจอคำถามในหัวว่า โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์ มี อะไร บ้าง, ควรใช้ โปรแกรม สํา ห รับ สร้าง เว็บไซต์ ตัวไหน, หรือจะใช้ โปรแกรม สำหรับ การ สร้าง เว็บไซต์ ฟรี ดีไหม จนกลายเป็นความสับสนมากกว่าความมั่นใจ ทั้งที่จริงแล้วการเลือกโปรแกรมทำเว็บควรเริ่มจากการดู “ความเหมาะสมกับธุรกิจและตัวคุณเอง” มากกว่าการวิ่งตามชื่อที่คนพูดถึงกันเยอะ ๆ

บทความนี้เลยอยากชวนคุณมาดูภาพรวมแบบเข้าใจง่าย เหมือนนั่งคุยกับที่ปรึกษา ไม่ใช่ภาษาคอมที่ฟังแล้วงง เราจะพาไล่ดูว่าโปรแกรมยอดนิยมที่คนใช้สร้างเว็บในตอนนี้มีอะไรบ้าง แต่ละตัวเหมาะกับใคร จุดเด่นจุดอ่อนประมาณไหน และท้ายที่สุดจะชวนคุณมามองอีกมุมหนึ่งว่า บางทีการพยายามใช้โปรแกรมเองทุกอย่าง อาจไม่คุ้มเท่ากับการให้ทีมมืออาชีพอย่าง Digicat ช่วยดูแลเว็บให้ครบตั้งแต่วันแรก โดยเฉพาะเมื่อคุณอยากได้เว็บไซต์ที่ใช้ทำธุรกิจจริง ไม่ใช่แค่เว็บตัวอย่างสวย ๆ

ทำความเข้าใจก่อนว่า “โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์” จริง ๆ คืออะไร

เวลาเราพูดถึงคำว่า โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์ หลายคนอาจนึกถึงแค่โปรแกรมในคอมพิวเตอร์หรือแอปบนเว็บที่ให้เราลากวาง จัดหน้า แล้วกดปุ่มเผยแพร่ แต่ในความเป็นจริง เครื่องมือที่ใช้สร้างเว็บสมัยนี้แบ่งได้หลายแบบมาก ตั้งแต่โปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้งานผ่านเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องลงอะไรเลย ไปจนถึงระบบจัดการเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่นักพัฒนาทั่วโลกนิยมใช้กัน

ถ้าให้แบ่งแบบเข้าใจง่าย โปรแกรม สํา ห รับ สร้าง เว็บไซต์ ในปัจจุบันมักอยู่ในกลุ่มใหญ่ ๆ เช่น ระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปแบบลากวางที่มีเทมเพลตให้เลือกเยอะ ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น และระบบจัดการเนื้อหาอย่าง WordPress ที่ยืดหยุ่นสูง ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก รวมถึงแพลตฟอร์มเฉพาะทางสำหรับร้านค้าออนไลน์ เช่น Shopify ที่เน้นด้านการขายและการจัดการสินค้าเป็นหลัก จากสถิติการใช้งานจริง WordPress ยังคงเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่สุดในโลกสำหรับการทำเว็บไซต์ ตามมาด้วยเครื่องมืออย่าง Shopify, Wix, Squarespace และ Webflow ที่เติบโตต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

สิ่งสำคัญที่เจ้าของธุรกิจควรถามตัวเองก่อนเลือกโปรแกรม คือคุณอยากได้เว็บไซต์แบบไหนและมีเวลาเรียนรู้มากน้อยแค่ไหน ถ้าคุณต้องการแค่เว็บแนะนำบริษัทง่าย ๆ และพอจะมีเวลาลองผิดลองถูก โปรแกรม สร้าง เว็บไซต์ สำเร็จรูปหรือแบบฟรีบางตัวก็อาจตอบโจทย์ช่วงเริ่มต้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าคุณมองเว็บเป็น “ทรัพย์สินของธุรกิจ” ที่ต้องรองรับการเติบโต ใช้ขายของจริง เชื่อมต่อกับระบบอื่น และต้องน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า การเลือกแพลตฟอร์มและทีมงานที่เหมาะสมตั้งแต่แรกจะช่วยประหยัดทั้งเวลา แก้ปัญหาซ้ำซ้อนในอนาคต และทำให้คุณมีสมาธิไปโฟกัสกับธุรกิจตัวจริงของคุณได้เต็มที่มากกว่า

ทำความเข้าใจก่อนว่า “โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์” จริง ๆ คืออะไร

WordPress โปรแกรม สำหรับ การ สร้าง เว็บไซต์ ที่ยังครองแชมป์ทั่วโลก

ถ้าถามนักพัฒนาเว็บหรือเอเจนซี่ส่วนใหญ่ว่า โปรแกรม สํา ห รับ สร้าง เว็บไซต์ ที่ใช้กันมากที่สุดคืออะไร คำตอบที่ได้มักหนีไม่พ้น WordPress เพราะนี่คือระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ถูกใช้ทำเว็บไซต์ทั่วโลกมากกว่าส่วนแบ่งของแพลตฟอร์มอื่นอย่างชัดเจน โดยมีส่วนแบ่งตลาดของ CMS อยู่มากกว่าครึ่ง และถูกใช้ทำเว็บตั้งแต่บล็อกเล็ก ๆ จนถึงเว็บไซต์ระดับองค์กรขนาดใหญ่

จุดเด่นของ WordPress คือความยืดหยุ่น คุณสามารถใช้ WordPress ทำได้แทบทุกอย่าง ทั้งเว็บบริษัท เว็บให้ข้อมูล เว็บข่าว เว็บบล็อกส่วนตัว เว็บนำเสนอผลงาน ไปจนถึงเว็บร้านค้าออนไลน์ที่รองรับการชำระเงินและจัดการคำสั่งซื้อ เมื่อจับคู่กับปลั๊กอินอย่าง WooCommerce หรือปลั๊กอินเสริมอื่น ๆ เว็บไซต์ก็สามารถกลายเป็นระบบที่ซับซ้อนได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเริ่มเขียนระบบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ศูนย์ นอกจากนี้ยังมีธีมและเทมเพลตให้เลือกจำนวนมาก สามารถออกแบบหน้าตาให้ตรงกับเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ค่อนข้างอิสระ

อย่างไรก็ตาม WordPress เองก็ไม่ใช่ “โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์” ที่ทุกคนจะใช้งานได้คล่องในทันที โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจที่ไม่มีพื้นฐานเทคนิคเลย คุณยังต้องรู้เรื่องการเลือกโฮสติ้ง การตั้งค่าความปลอดภัย การอัปเดตเวอร์ชัน การจัดการปลั๊กอิน และการสำรองข้อมูล หากดูแลไม่ดี เว็บไซต์อาจช้าลงหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตีได้ง่ายกว่าที่คิด นี่คือเหตุผลที่หลายบริษัทเลือกให้ผู้เชี่ยวชาญหรือเอเจนซี่ช่วยดูแล WordPress ตั้งแต่เริ่มต้นวางโครงสร้าง ออกแบบ ไปจนถึงการดูแลหลังบ้าน

ในอีกมุมหนึ่ง WordPress มีเครื่องมือเสริมอย่าง Elementor, Visual Composer และตัวสร้างหน้าต่าง ๆ ที่ทำให้การออกแบบหน้าตาเว็บง่ายขึ้นด้วยการลากวาง และได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะ Elementor ที่มีการติดตั้งใช้งานบนเว็บไซต์หลายล้านเว็บทั่วโลก แต่ถึงอย่างนั้น การจะใช้ให้เต็มประสิทธิภาพก็ยังต้องอาศัยความเข้าใจในโครงสร้างเว็บและการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีอยู่ดี เท่ากับว่าถ้าคุณมีเวลาศึกษา WordPress จริงจัง มันคือเครื่องมือที่ทรงพลังมาก แต่ถ้าคุณไม่มีเวลา การให้ทีมที่เชี่ยวชาญจัดการให้ตั้งแต่แรกจะเป็นทางเลือกที่เบาสมองและปลอดภัยกว่ามาก

Wix, Squarespace, Webflow สายเว็บสำเร็จรูปยอดนิยมที่โตแรงในช่วงนี้

Wix, Squarespace, Webflow สายเว็บสำเร็จรูปยอดนิยมที่โตแรงในช่วงนี้

ถ้าพูดถึง โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์ ที่ออกแบบมาสำหรับคนทั่วไปที่ไม่อยากยุ่งกับเรื่องโฮสติ้งหรือการติดตั้งระบบเอง ชื่อที่มักถูกพูดถึงบ่อยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็คือ Wix, Squarespace และ Webflow กลุ่มนี้คือแพลตฟอร์มแบบ “ครบจบในที่เดียว” ที่ให้คุณสมัครบัญชี เลือกเทมเพลต ลากวางองค์ประกอบ แก้ไขข้อความ ใส่รูป แล้วเผยแพร่เว็บได้เลย โดยที่ระบบหลังบ้านอย่างการเก็บไฟล์ การดูแลเซิร์ฟเวอร์ หรือการอัปเดตซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ถูกจัดการให้ทั้งหมด

Wix ถือเป็นหนึ่งในโปรแกรมสร้างเว็บยอดนิยมที่สุดในกลุ่มนี้ มีผู้ใช้จำนวนมากและมีเทมเพลตให้เลือกหลายร้อยรูปแบบ พร้อมระบบลากวางที่ให้คุณขยับกล่องข้อความ รูปภาพ และวิดีโอไปวางตรงไหนก็ได้บนหน้า ทำให้เจ้าของธุรกิจรู้สึกว่าควบคุมดีไซน์ได้อย่างอิสระ จากรีวิวและการจัดอันดับหลายแห่ง Wix ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน website builder แถวหน้าที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงมาก และมีเครื่องมือเสริมด้านร้านค้าออนไลน์ ระบบจอง และแอปพลิเคชันเสริมให้เลือกใช้จำนวนมาก

Squarespace เองก็เป็นอีกหนึ่ง โปรแกรม สํา ห รับ สร้าง เว็บไซต์ ที่โดดเด่นด้านดีไซน์เทมเพลตสวย เนี้ยบ สไตล์มินิมอล เหมาะกับงานสายสร้างสรรค์ เช่น งานออกแบบ สตูดิโอถ่ายภาพ พอร์ตโฟลิโอ หรือแบรนด์ที่ต้องการภาพลักษณ์ทันสมัย การใช้งานเน้นความเรียบง่าย มีระบบในตัวค่อนข้างครบ ไม่ว่าจะเป็นบล็อก แบบฟอร์ม หรือฟีเจอร์สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก จึงเหมาะกับผู้ใช้ที่อยากได้เว็บสวยเร็ว ๆ โดยไม่ต้องแตะโค้ดมากนัก

ส่วน Webflow ถือเป็นโปรแกรมสำหรับการสร้างเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มนักออกแบบและเอเจนซี่ เพราะให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องมือออกแบบกราฟิกผสมกับการเขียนโค้ด แต่ทำงานผ่านหน้าตาแบบลากวางและตั้งค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเลือกในหน้าจอ ทำให้สามารถสร้างเว็บดีไซน์เฉพาะตัวได้มากกว่าแพลตฟอร์มสำเร็จรูปทั่วไป โดยยังคงความเป็น “no-code” หรือ “low-code” สำหรับผู้ใช้จำนวนมาก นักออกแบบจำนวนไม่น้อยยกให้ Webflow เป็นทางเลือกใหม่สำหรับงานเว็บระดับมืออาชีพโดยไม่ต้องเขียนโค้ดทั้งหมดเอง

อย่างไรก็ดี แพลตฟอร์มสำเร็จรูปเหล่านี้ก็มีข้อจำกัดในตัวเอง เช่น โครงสร้างบางส่วนที่แก้ไม่ได้ทั้งหมด การย้ายระบบออกไปที่อื่นทำได้ยาก หรือค่าใช้จ่ายรายเดือนและรายปีที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องการฟังก์ชันมากขึ้น สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเว็บจริงจัง ใช้งานระยะยาว และมีความต้องการเฉพาะ การพึ่งพาโปรแกรมสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนเริ่มมองหาทีมมืออาชีพมาช่วยออกแบบและพัฒนาร่วมด้วย

WordPress โปรแกรม สำหรับ การ สร้าง เว็บไซต์ ที่ยังครองแชมป์ทั่วโลก

Shopify และแพลตฟอร์มสายร้านค้าออนไลน์ที่เน้นขายเป็นหลัก

ถ้าธุรกิจของคุณโฟกัสที่การขายสินค้าออนไลน์เป็นหลัก คำว่า โปรแกรม สำหรับ การ สร้าง เว็บไซต์ อาจไม่ใช่แค่เว็บสวย ๆ แต่ต้องหมายถึงระบบหน้าร้านและหลังร้านที่ครบในที่เดียว ตรงนี้เองที่แพลตฟอร์มอย่าง Shopify เข้ามาตอบโจทย์ได้ดีมากในระดับสากล Shopify ถูกออกแบบมาเพื่อให้คนที่ไม่ได้เขียนโค้ดก็เปิดร้านออนไลน์ได้ ตั้งแต่การจัดการสินค้า สต็อก ระบบตะกร้าสินค้า ชำระเงิน การจัดส่ง การรายงานยอดขาย ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับช่องทางขายอื่นอย่างโซเชียลและมาร์เก็ตเพลสต่าง ๆ จากสถิติตลาดระบบเว็บไซต์ปัจจุบัน Shopify ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มยอดนิยมรองจาก WordPress เมื่อมองเฉพาะด้าน CMS และ e-commerce

นอกจาก Shopify ยังมีเครื่องมืออื่น ๆ ที่ใช้เป็นโปรแกรม สํา ห รับ สร้าง เว็บไซต์ สายร้านค้าออนไลน์ เช่น การใช้ WordPress ร่วมกับปลั๊กอินอย่าง WooCommerce หรือการใช้แพลตฟอร์ม e-commerce รายอื่นตามความเหมาะสมของตลาดและประเทศที่ทำธุรกิจ แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกตัวไหน สิ่งที่ต้องคิดให้ชัดคือ คุณต้องการความยืดหยุ่นแค่ไหน ต้องการให้ระบบเชื่อมต่อกับอะไรบ้าง และมีทีมดูแลหลังบ้านมากน้อยเพียงใด

หลายคนเริ่มเปิดร้านออนไลน์ด้วยเครื่องมือสำเร็จรูป เพราะดูเหมือนง่ายและเร็ว แต่เมื่อธุรกิจเติบโต ยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ระบบหลังบ้านเริ่มซับซ้อน ต้องการการจัดการสต็อกหลายคลัง ต้องการเชื่อมต่อกับระบบบัญชี ระบบ CRM หรือระบบของหน้าร้านจริง ปัญหาที่เคยเล็กอาจเริ่มชัดเจนขึ้น เช่น รายงานไม่ละเอียดเท่าที่ต้องการ ปรับแต่งฟังก์ชันไม่ได้ลึกพอ หรือค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อขยายกิจการ นี่คือช่วงที่เจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อยเริ่มมองหาแนวทางที่ผสมผสานระหว่างแพลตฟอร์มสำเร็จรูปกับการพัฒนาระบบเฉพาะ เพื่อรองรับรูปแบบงานที่ซับซ้อนและความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้นอย่างจริงจัง

 Shopify และแพลตฟอร์มสายร้านค้าออนไลน์ที่เน้นขายเป็นหลัก

ทำ website กับ Digicat ดีกว่าใช้โปรแกรมอย่างเดียว ให้มืออาชีพช่วยคิดและทำให้ครบตั้งแต่วันแรก

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คุณน่าจะเห็นภาพแล้วว่า โปรแกรม ใน การ สร้าง เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น WordPress, Wix, Squarespace, Webflow หรือ Shopify ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเองทั้งนั้น แต่ในมุมของ “เจ้าของธุรกิจ” ที่ต้องดูแลลูกค้า ดูงานหลังบ้าน และวางแผนการเติบโตไปพร้อมกัน การต้องมานั่งเรียนรู้เครื่องมือเหล่านี้แบบลงลึกทุกตัว อาจไม่ใช่การใช้เวลาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ และถึงแม้โปรแกรมเหล่านี้จะดีมาก แต่ถ้าใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือโครงสร้างเว็บวางไม่ดีตั้งแต่แรก ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจไม่ต่างจากการมีเว็บไว้เฉย ๆ โดยไม่ช่วยสร้างยอดขายหรือภาพลักษณ์เท่าที่ควร

นี่คือเหตุผลที่เราอยากชวนคุณมาลองมองอีกทางเลือกหนึ่ง นั่นคือการทำ website กับทีม Digicat แทนการลองใช้โปรแกรมสร้างเว็บด้วยตัวเองเพียงลำพัง ที่ Digicat เราไม่ได้มองเว็บไซต์แค่ในมุมเทคนิคหรือดีไซน์เพียงอย่างเดียว แต่เริ่มจากการเข้าใจธุรกิจของคุณก่อน ว่าคุณขายอะไร ลูกค้าคือใคร ต้องการให้เว็บช่วยอะไรในขั้นตอนการขาย และอยากให้คนที่เข้าเว็บไซต์ “รู้สึกอย่างไร” เมื่อเลื่อนดูแต่ละหน้า จากนั้นเราจึงเลือกเทคโนโลยีและวิธีสร้างเว็บที่เหมาะกับคุณจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำ website แบบเขียนโปรแกรมเฉพาะ หรือการทำ website ด้วย WordPress ที่วางโครงสร้างอย่างมืออาชีพ

ข้อดีของการให้ Digicat ดูแลตั้งแต่ต้น คือคุณไม่ต้องกังวลว่าจะใช้โปรแกรมไหน ใช้ถูกแพ็กเกจหรือเปล่า หรือวันหนึ่งถ้าธุรกิจโตขึ้นแล้วต้องย้ายระบบจะทำอย่างไร เพราะเราช่วยคิดภาพรวมเผื่ออนาคตให้ด้วยในตัวเดียว เว็บไซต์ที่เราทำสามารถรองรับได้ทุกรูปแบบและทุกประเภทธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเว็บ elearning สำหรับสอนออนไลน์ เว็บ real estate สำหรับนำเสนออสังหาริมทรัพย์ เว็บ booking สำหรับจองคิวและจองบริการ หรือเว็บ company ที่ต้องการภาพลักษณ์มืออาชีพและข้อมูลครบถ้วน เว็บไซต์ของเรายังออกแบบให้ใช้งานง่ายทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ มีการวางโครงสร้างเนื้อหาให้ลูกค้าหาข้อมูลที่ต้องการได้ในไม่กี่คลิก

ยิ่งไปกว่านั้น บริการทำเว็บไซต์ของ Digicat ยังมีราคาที่จับต้องได้ ไม่ได้แพงเกินเอื้อมสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง คุณจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงไปกับการลองเล่น โปรแกรม สํา ห รับ สร้าง เว็บไซต์ ต่าง ๆ เอง หรือแก้ปัญหาที่ไม่ถนัด เพียงแค่บอกเราเป้าหมายและแนวทางที่คุณต้องการ ที่เหลือให้ทีมของเราดูแลแทน คุณก็สามารถเอาเวลาคืนไปทุ่มกับสิ่งที่คุณเก่งที่สุด นั่นคือการดูแลลูกค้า ทำให้สินค้าและบริการของคุณดีขึ้น และขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ส่วนเรื่องเว็บไซต์ ปล่อยให้ Digicat ช่วยเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขายและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณในทุก ๆ วัน

ทำ website กับ Digicat ดีกว่าใช้โปรแกรมอย่างเดียว ให้มืออาชีพช่วยคิดและทำให้ครบตั้งแต่วันแรก

Scroll to Top